หน้าหนาวแบบนี้ หลายคนคงเตรียมจัดทริปเที่ยวดอยเพื่อจะได้สัมผัสอากาศเย็น ๆ และชมทะเลหมอกในตอนเช้า แต่ในอีกมุมหนึ่ง ลมหนาวกลับไม่ใช่สิ่งที่ชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลตั้งตารอกันสักเท่าไหร่ เนื่องจากหลายชุมชนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ยังขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม ทำให้ชาวบ้านและเด็ก ๆ ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการดำรงชีวิตท่ามกลางอากาศที่หนาวจับใจ

ด้วยความห่วงใยความเป็นอยู่ของชาวบ้านในถิ่นทุรกันดาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด โดยมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตร นักศึกษาสิงห์อาสาในภาคเหนือจำนวนกว่า 100 คน จาก 11 สถาบัน ได้รวมตัวกันจัดกิจกรรม “สิงห์อาสา ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว” เพื่อมอบเสื้อกันหนาวมากกว่า 2,000 ตัว ให้ชาวบ้าน ณ โรงเรียนดอยแสนใจ ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตรวจสุขภาพให้แก่ชาวบ้านและนักเรียน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดมาต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี

เบื้องหลังการลงพื้นที่ของเหล่าสิงห์อาสาจะน่าประทับใจและชวนให้รู้สึกอบอุ่นแค่ไหน เราขอเชิญคุณเดินทางขึ้นดอยไปพร้อม ๆ กับสิงห์อาสากันเลย

จะยากลำบากแค่ไหน สิงห์อาสาพร้อมลุยทุกที่

“ภารกิจหลักของสิงห์อาสาคือการออกไปช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ เวลาเกิดเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม แผ่นดินไหว ภัยแล้ง หรือภัยหนาว โดยการลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน เราต้องไปถึงให้ทันหลังเกิดเหตุการณ์ภายใน 24 ชั่วโมง” อาท – อรรถสิทธิ์ พรหมสุข ผู้จัดการส่วนงานกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวอย่างมุ่งมั่น เขาคือหนึ่งในหัวหอกผู้นำทีมสิงห์อาสากว่าร้อยชีวิตขึ้นดอยไปมอบเสื้อกันหนาวให้แก่ชาวบ้านในจังหวัดเชียงราย

ก่อนลงพื้นที่จริง ทีมสิงห์อาสาจะตรวจเช็คข้อมูลอย่างละเอียดว่าชาวบ้านบนดอยประสบเหตุอย่างไรบ้าง จำนวนกี่ครัวเรือน หลังจากนั้นจึงจัดเตรียมเสื้อกันหนาวคุณภาพดีให้ตรงกับจำนวนความต้องการ พร้อมกับติดต่อเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ภาคเหนือและสร้างสรรค์กิจกรรมเพิ่มเติมอื่น ๆ เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับเด็ก ๆ ในชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลด้วย

ถักทอเสื้อกันหนาวให้หนาอุ่น แล้วส่งตรงถึงมือผู้รับทุกคน

เสื้อกันหนาวกว่า 2,000 ตัว จากกรุงเทพฯ ถูกนำไปมอบให้กับชาวบ้านมากกว่า 500 หลังคาเรือน และเด็ก ๆ ในโรงเรียนอีกกว่า 400 คน โดยแนวคิดสำคัญของการผลิตเสื้อกันหนาวนั้นเริ่มจากว่าเป็นอุปกรณ์ป้องกันความหนาวที่มีประโยชน์หลากหลายมากกว่าอย่างอื่น เพราะนอกจากจะทำให้เขาอบอุ่นเวลานอนแล้ว ตอนเช้ายังสามารถใส่เสื้อสิงห์อาสาตัวนี้ไปทำงานหรือไปโรงเรียนได้ด้วย

ที่ผ่านมาชาวบ้านรู้สึกประทับใจและมีความสุขทุกครั้งที่เหล่าสิงห์อาสาได้ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือ เพราะส่วนใหญ่แล้วชุมชนจะตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทำให้มีข้อกำจัดด้านการเดินทางและไม่สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้ แต่กลุ่มสิงห์อาสา โดยมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดียังคงมุ่งมั่นฝ่าฝันความลำบากและข้อจำกัดเหล่านั้น เพื่อเข้าไปให้ความช่วยเหลือและส่งต่อความปรารถนาดีให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยหนาว

“ผมเคยพูดคุยกับชาวบ้าน เขาบอกผมว่าความรู้สึกแรกที่เห็นกลุ่มสิงห์อาสาเดินทางเข้ามามอบเสื้อกันหนาว คือดีใจและรู้สึกขอบคุณที่ทุกคนทำเพื่อพวกเขา ยอมลำบากเข้ามาถึงหมู่บ้าน ด้วยความตั้งใจทำให้ลูก ๆ หลาน ๆ ของเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”

สร้างสรรค์กิจกรรม ส่งเสริมความยั่งยืนให้ทุกชีวิตอยู่ดี มีความสุข

นอกจากการมอบเสื้อกันหนาวแล้ว กลุ่มนักศึกษาเครือข่ายสิงห์อาสาภาคเหนือ จำนวนมากกว่า 100 คน จาก 11 สถาบันยังได้ร่วมทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการและเปิดโอกาสให้เด็กในถิ่นทุรกันดารได้เรียนรู้เพิ่มทักษะในด้านต่าง ๆ ด้วย เช่น กิจกรรมโรงเรียนเกษตรพอเพียง กิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวัน รวมทั้งกิจกรรมทาสีห้องน้ำและซ่อมแซมสนามเด็กเล่น

โดยเฉพาะหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี โดยคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งอาสาเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกลเพื่อให้บริการตรวจรักษาอาการเจ็บป่วยและแนะนำการดูแลสุขภาพให้ชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล

อีกหนึ่งภารกิจที่สิงห์อาสาให้ความสำคัญควบคู่กับการมอบเสื้อกันหนาว คือ การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี โดยมีเป้าหมายหลักคือพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านให้มีสุขภาวะอนามัยที่สมบูรณ์และแข็งแรง ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกคน ต่างมุ่งมั่นทำหน้าที่นี้ด้วยความทุ่มเทตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

ดีที่สุดคือการให้ไม่สิ้นสุด สิงห์อาสาเชื่อในพลังเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ของทุกคน

กิจกรรมสิงห์อาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวได้ทำต่อเนื่องมายาวนานกว่า 30 ปี โดยอรรถสิทธิ์เผยว่า หลายปีที่ผ่านมากลุ่มสิงห์อาสาได้เติบโตจากเครือข่ายพนักงานบริษัทและเครือข่ายเอเย่นต์ ขยายออกไปยังกลุ่มนักศึกษาทั่วประเทศ ทั้งยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ถือเป็นการส่งมอบพลังของการเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ในสังคมไทย

“ผมประทับใจในตัวน้อง ๆ สิงห์อาสาทุกคน เพราะแม้ว่าบางพื้นที่มันจะลำบาก แต่เขาก็ไปกับเรา เสียสละเวลาและความสะดวกสบาย ผมมองว่า การช่วยเหลือและส่งต่อจากคนที่มีความพร้อมไปสู่คนที่ขาดคือสิ่งสำคัญที่ทำให้สังคมและโลกของเราน่าอยู่ขึ้น เราจึงควรจะส่งต่อคุณค่าของการเป็นผู้ให้และความปรารถนาดีเหล่านี้ให้เกิดขึ้นในประเทศของเราต่อไปเรื่อย ๆ”

ทุกภารกิจของสิงห์อาสาสำเร็จลุล่วงได้ก็เพราะความเชื่อมั่นในพลังเล็ก ๆ ของทุกคน ที่รวมกันเป็นพลังแห่งการให้ที่ยิ่งใหญ่และพร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้ผู้ประสบภัยในทุกพื้นที่ของประเทศ