ด้วยสภาพอากาศในจังหวัดเชียงรายที่ลดต่ำลงเหลือเพียงเลขตัวเดียว โดยเฉพาะบนยอดดอยบางแห่งที่ถึงขั้นปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งบนยอดหญ้า จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ชาวบ้านและเด็ก ๆ ผู้อาศัยอยู่บนดอยต้องคอยดูแลสุขภาพให้แข็งแรง มีเครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรคที่เพียงพอ พร้อมสู้กับภัยหนาวที่มีแนวโน้มว่าจะอยู่ต่อไปอีกตลอดเดือนมกราคม
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ในนามของมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และเหล่าสิงห์อาสาจาก 11 สถาบัน ได้ออกเดินทางขึ้นเขาหลายโค้งไปยังโรงเรียนดอยแสนใจ ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อจัดกิจกรรม “สิงห์อาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว” มอบเสื้อกันหนาวกว่า 2,000 ตัว ให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ และที่สำคัญไปกว่านั้น คือตรวจสุขภาพ บรรเทาทุกข์ และสร้างสุขภาวะอนามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ให้แก่ชาวบ้านและเด็ก ๆ ในโรงเรียนโดยทีมแพทย์อาสาผู้เชี่ยวชาญ ที่ดำเนินภารกิจต่อเนื่องมานานกว่า 30 ปี
กิจกรรมนี้ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชุมชนอย่างไร ตามไปฟังความรู้สึกของชาวบ้าน คุณครู และเด็ก ๆ กันเลย
วิถีชีวิตในฤดูหนาว
ทุกปีเมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม หมู่บ้านบนดอยในจังหวัดเชียงรายอย่าง หมู่บ้านแสนใจ หมู่บ้านห้วยส้าน และหมู่บ้านแสนใจพัฒนา ต้องเผชิญกับอากาศที่หนาวเย็น ด้วยอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ 9 – 20 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะตอนเช้า ๆ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องออกไปทำงานท่ามกลางลมหนาวที่รุนแรง ทั้งยังขาดแคลนเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งยิ่งทำให้วิถีชีวิตในหน้าหนาวเต็มไปด้วยความยากลำบาก
วิธีคลายหนาวแบบบ้าน ๆ
ชาวบ้านส่วนใหญ่จะมีวิธีคลายหนาวด้วยการนั่งผิงไฟและดื่มน้ำอุ่น ถือว่าช่วยได้บ้างแต่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น และด้วยความที่บ้านหลายหลังคาเรือนเป็นบ้านไม้ลักษณะค่อนข้างเปิด ทำให้มีลมเย็นพัดผ่านเข้ามาตลอดเช้า หากไม่ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงก็อาจจะเป็นไข้หวัดได้ง่าย
ที่หมู่บ้าน 3 แห่งนี้มีประชากรทั้งหมดกว่า 500 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร เช่น ทำไร่ ปลูกชา โดยส่วนมากเป็นวัยทำงาน นอกจากนี้ยังมีผู้สูงอายุและผู้พิการ ที่ต้องการการดูแลด้านสุขภาพมากเป็นพิเศษ
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ช่วยชาวบ้านรับมือกับโรคภัยหน้าหนาว
สิ่งที่ตามมาพร้อมกับภัยหนาว นั่นก็คือโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ โดยชาวบ้านเล่าว่า เมื่อเข้าหน้าหนาว โรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่จะแพร่ระบาดในหมู่บ้านมากเป็นพิเศษ ทำให้บางครั้งโรงเรียนต้องปิดชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อโรค และถ้าหากอาการหนัก ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็จะเดินหรือนั่งรถไปรับการรักษาที่สถานีอนามัยซึ่งอยู่ถัดออกไปราว 2 กิโลเมตร แต่หลายคนก็ยังประสบปัญหาด้านการเงินในการซื้อยาหรือจ่ายค่ารักษาพยาบาล
เด็กหญิงม่อนแสนดาว จือเปาะ วัย 11 ปีเล่าว่าถึงแม้เด็ก ๆ ในหมู่บ้านของเธอจะอยู่กับอากาศหนาวมาตั้งแต่เกิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะชินหรือทนความหนาวได้เก่งกว่าเด็กทั่ว ๆ ไป โดยเธอเล่าความในใจหลังจากได้รับการตรวจสุขภาพโดยคุณหมอจากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในนามของมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดีว่า “สองสามวันที่ผ่านมาหนูป่วย มีเสมหะ คุณหมอก็ให้ยามา คุณหมอใจดีมาก ๆ เลยค่ะ”
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในนามมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี ประกอบด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายแขนง โดยบางท่านอายุมากกว่า 80 ปี แต่ยังทุ่มเทแรงกายและแรงใจและการช่วยเหลือและรักษาชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลเสมอมา
ไม่ใช่แค่รักษา แต่ต้องป้องกันโรคได้ด้วยตนเอง
วีระศักดิ์ อุดทา คุณครูวิชาสุขศึกษาและพลศึกษาประจำโรงเรียนดอยแสนใจ เล่าความประทับใจว่า ‘สิงห์อาสา ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว’ ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่โครงการแรกที่ดั้นด้นเข้ามาในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ โดยไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือเพียงเรื่องภัยหนาวและตรวจสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความสุขและกำลังใจให้แก่ชาวบ้านผ่านกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย ที่สำคัญคือยังปลูกฝังความรู้ความเข้าใจด้านสุขภาพ ที่ช่วยให้ชาวบ้านรู้จักป้องกันโรคภัยต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง
“ผมอยากจะขอบคุณมูลนิธิฯ ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญเรื่องสุขภาพและป้องกันภัยหนาวไว้ก่อน เพราะถ้าชาวบ้านและเด็ก ๆ เจ็บป่วยขึ้นมาแล้ว การพาออกไปรักษานอกหมู่บ้านจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ไหนจะเรื่องการเดินทางและค่าใช้จ่าย เพราะฉะนั้น การป้องกันไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก”
คำขอบคุณจากหัวใจ
ตลอดทั้งวันที่หน่วยแพทย์อาสาขึ้นไปบรรเทาทุกข์ให้กับชาวบ้านบนดอย พวกเขาได้ช่วยเหลือทั้งเด็ก ๆ ที่ป่วยเป็นไข้หวัด ได้แจกจ่ายยาให้ชาวบ้านวัยทำงาน และรักษาอาการเจ็บป่วยของผู้สูงอายุหลักร้อยคน โดยทุกคนพูดเป็นเสียงกันว่ารู้สึกประทับใจโครงการครั้งนี้เป็นอย่างมาก ชาวบ้านบางคนถึงขั้นตื่นเต้นจนลุกขึ้นมารอตั้งแต่ตีสี่ เพราะไม่เคยเห็นคนเยอะขนาดนี้เข้ามาในหมู่บ้านมาก่อน และชาวบ้านบางคนก็ยอมรับว่าตื้นตันใจมาก ๆ เพราะเคยกังวลเรื่องสุขภาพมานาน แต่ไม่เคยได้รับการตรวจกับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญจนกระทั่งวันนี้
นอกจากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่แล้ว ยังมีน้อง ๆ ทีมสิงห์อาสาจาก 11 สถาบันมามอบเสื้อกันหนาวอุ่นๆ ให้กับชาวบ้านเป็นจำนวนหลายร้อยตัว เรียกได้ว่าครบครันทั้งเรื่องสุขภาพและเครื่องนุ่งห่มให้พร้อมสู้กับอากาศหนาวเย็นที่กำลังตามมาอีกหลายระลอก