ลมหนาวไม่ได้พัดพาแค่ความเย็นเข้าปกคลุมทุกพื้นที่ในภาคเหนือของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังพัดพาความห่วงใยและความปรารถนาดีของกลุ่มสิงห์อาสา โดยบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตร นักศึกษาสิงห์อาสาในภาคเหนือทั้ง 11 สถาบัน มาร่วมกันลงพื้นที่ทำกิจกรรมในโครงการ “สิงห์อาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว” ณ โรงเรียนดอยแสนใจ ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน จึงเริ่มต้นจากความตั้งใจที่จะเป็นผู้ให้ เพราะการให้สามารถสร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่ต่อไป ทั้งในชีวิตของผู้ให้และผู้รับ เช่นเดียวกับประสบการณ์และความรู้สึกของตัวแทนนักศึกษาที่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายสิงห์อาสาทั้ง 3 คน

เรื่องราวต่อไปนี้จึงเปรียบเสมือนการบ่มเพาะต้นกล้าแห่งการให้ที่กำลังเติบโตและแบ่งบานอยู่ในใจ ซึ่งพวกเขาพร้อมแบ่งปันเรื่องราวแห่งความสุข เบื้องหลังการส่งต่อความอบอุ่นและห่วงใยถึงมือผู้ประสบภัยผ่านเสื้อกันหนาว โดยหวังว่าประสบการณ์ทั้งหมดนี้จะเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจ รวมถึงเน้นย้ำความหมายอันแท้จริงของการเป็นผู้ให้

ความสุขและประสบการณ์ที่หาจากไหนไม่ได้

“หนูชอบอากาศหนาว แต่ความหนาวไม่ได้ทำให้ทุกคนมีความสุขเสมอไป เพราะชาวบ้านบนดอยสูงต้องทนทุกข์กับภัยหนาวทุกปี หนูและเพื่อน ๆ จึงตั้งใจขึ้นมาหาชาวบ้านเพื่อมอบเสื้อกันหนาวให้ถึงมือ พวกเขาจะได้ไม่ต้องทนหนาวโดยลำพัง” ทิตยวัน ทั่งทอง หรือน้องซอส นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา บอกเล่าความตั้งใจที่ทำให้เธอเดินทางขึ้นดอยมาลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวในฐานะเครือข่ายสิงห์อาสา

น้องซอสมีโอกาสพูดคุยกับชาวบ้านและเด็ก ๆ ที่มารับเสื้อกันหนาว ทุกคนยืนยันว่าความหนาวทำให้ใช้ชีวิตยากลำบากเพราะที่ผ่านมาคนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมีความพร้อมรับมือภัยหนาว การอยู่บนดอยสูงก็ยิ่งทำให้ความช่วยเหลือมาไม่ถึงพวกเขา กิจกรรมของสิงห์อาสาครั้งนี้ จึงไม่เพียงบรรเทาปัญหาภัยหนาว แต่ยังสร้างกำลังใจให้พวกเขาทุกคน

“แต่ก่อนหนูมักจะสนใจแต่ตัวเอง แต่พอมาทำงานตรงนี้ สิ่งที่สัมผัสได้ระหว่างมอบเสื้อกันหนาว คือรอยยิ้ม คำขอบคุณ และเสียงหัวเราะมีความสุขจากเด็ก ๆ และชาวบ้าน ทั้งหมดเปลี่ยนความคิดของหนู ทำให้มองโลกในมุมกว้างมากขึ้น คิดถึงคนอื่น ๆ มากขึ้น รู้สึกอยากให้มากกว่าอยากได้ หนูจึงตั้งใจทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด”

น้องซอสยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “สิงห์อาสาคือประสบการณ์ที่หาจากไหนไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่หนูไปมอบสิ่งของที่จำเป็นที่สุดให้พวกเขา แต่พวกเขาก็ได้มอบสิ่งที่มีค่ากลับมาให้หนูเหมือนกัน นั่นคือความรู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้ช่วยเหลือกันและกัน มันคือพลังเล็ก ๆ ที่เกิดจากการให้ ซึ่งเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่ช่วยสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันต่อไปได้”

มีสิงห์อาสาเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจเสมอมา

จากเด็กชายชาวกะเหรี่ยงผู้เคยได้รับเสื้อกันหนาวในวัยเด็ก วันนี้ เอกชัย ระเริงแม่เมย หรือน้องเต๋อ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เติบโตมาเป็นผู้ให้ที่ส่งต่อโอกาสผ่านการเข้าร่วมเครือข่ายสิงห์อาสา ด้วยความหวังว่า เสื้อกันหนาวที่เขามอบให้น้อง ๆ จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนเติบโตเป็นผู้ให้ในวันข้างหน้า เช่นเดียวกับที่เขาเคยได้รับโอกาสนั้นในวันวาน

“ตั้งแต่จำความได้ ผมอยู่บนดอยและประสบภัยหนาวมาตั้งแต่เด็กซึ่งรุนแรงขึ้นทุกปี จึงเข้าใจดีว่า ความรู้สึกของคนที่ต้องใช้ชีวิตกับความหนาวเป็นยังไง อากาศที่หนาวมาก ๆ ทำให้ทุกคนใช้ชีวิตยากลำบาก โดยเฉพาะเด็กและคนเฒ่าคนแก่ วันไหนที่อากาศหนาวมาก ๆ เด็ก ๆ จะออกจากบ้านไปโรงเรียนไม่ได้ เพราะเสื้อผ้าที่มีอยู่มันกันหนาวไม่ได้เลย ส่วนผู้สูงอายุพอเจอลมหนาวก็เจ็บไข้ได้ป่วย ขึ้นมาทันที” น้องเต๋อถ่ายทอดประสบการณ์ตรงที่ต้องประสบกับภัยหนาวบนดอย

น้องเต๋อรู้ดีว่าเสื้อกันหนาวสำคัญและจำเป็นมากแค่ไหนสำหรับคนบนดอย หากไม่มีเสื้อกันหนาว ชาวบ้านจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ความรู้สึกที่ทรมานเมื่อต้องปะทะกับลมหนาวในตอนที่ขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อไปทำงานหรือไปโรงเรียน  หรือแม้กระทั่งในตอนกลางคืน ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุด เพราะอุณหภูมิจะลดต่ำลงมาก การได้รับเสื้อกันหนาวมาสวมใส่ จึงช่วยรักษาความอบอุ่นให้ร่างกาย และสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างสะดวกคล่องแคล่ว

“ผมซึ้งใจแทนน้อง ๆ ที่สิงห์อาสาไม่ลืมพวกเขา ไม่ไช่แค่มอบแค่เสื้อกันหนาว แต่ยังมอบทุนการศึกษา ชุดนักเรียน เครื่องเขียน และอุปกรณ์กีฬา ร่วมทั้งซ่อมแซมสนามเด็กเล่นและห้องน้ำให้น้อง ๆ ด้วย ที่สำคัญคือมีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มาตรวจสุขภาพถึงที่ ผมเองก็ช่วยแปลภาษาถิ่นให้ชาวบ้านคุยกับหมอได้ ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ผมและสิงห์อาสาจะอยู่ข้าง ๆ และคอยให้กำลังใจทุกคน”

สุดท้ายน้องเต๋อย้ำความสำคัญของการได้รับโอกาสมาก่อนว่า เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้เขาเติบโตขึ้นมาและตั้งใจทำงานจิตอาสา เพื่อส่งต่อโอกาสนั้นและตอบแทนสังคม เพราะมีสิงห์อาสาเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจในการเป็นผู้ให้เสมอมา

สร้างสังคมของเราให้น่าอยู่ด้วยน้ำใจแห่งการให้

“หนูทำกิจกรรมจิตอาสาของมหาวิทยาลัยอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเป็นเครือข่ายของสิงห์อาสา จึงมีโอกาสได้พูดคุยและขอคำปรึกษาเรื่องการทำงานอาสาสมัครกับพี่ ๆ ของสิงห์อาสาอยู่เรื่อย ๆ พอได้เป็นสมาชิกสิงห์อาสา ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ๆ ที่ได้ทำกิจกรรมนี้ เพราะทำให้หนูรู้จักการทำงานเพื่อช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อน” กฤษณา พวงดอก หรือน้องออย นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สำนักวิชาการจัดการ สาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง บอกเล่าจุดเริ่มต้นเข้าร่วมเป็นเครือข่ายสิงห์อาสา

ระหว่างลงพื้นที่ เครือข่ายสิงห์อาสาจะได้ร่วมกันคิดหาวิธีและวางแผนการทำงานเพื่อทำภารกิจช่วยเหลือชาวบ้านให้สำเร็จ ตรงจุดนี้เองที่ทำให้น้องออยได้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อน ๆ นักศึกษาสิงห์อาสาจากมหาวิทยาลัยอื่น

“หนูได้รู้จักเพื่อนใหม่ต่างสถาบันที่มีความตั้งใจมาเป็นอาสาสมัครเหมือนกัน ทุกคนจึงคอยช่วยเหลือกัน เพื่อทำให้งานสำเร็จลุล่วง หนูเข้าใจเลยว่าการทำงานคนเดียวสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ก็จริง แต่ถ้าเราร่วมแรงกัน จะสามารถช่วยเหลือคนได้เยอะกว่า เหมือนเราทุกคนพยายามเปลี่ยนแปลงให้คนทั้งสังคมดีขึ้น”

แม้ว่าน้องออยจะไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่เธอก็รู้สึกถึงความหนาวที่ปกคลุมทั่วภาคเหนือ การได้ลงพื้นที่ครั้งนี้จึงมีความหมายกับเธอมาก เพราะเป็นการได้ทำงานอาสาสมัครอย่างที่ตั้งใจไว้

“หนูอยากเข้ามาช่วยเหลือคนที่ยากลำบากโดยเฉพาะเด็ก ๆ เพราะหนูหวังว่าวันหนึ่งเด็ก ๆ เหล่านี้โตขึ้น พวกเขาจะออกไปช่วยเหลือคนอื่น ๆ เหมือนที่หนูและเพื่อน ๆ มาในวันนี้ หนูอยากให้มีการส่งต่อความช่วยเหลือไปแบบนี้เรื่อย ๆ เพื่อให้สังคมของเราดีขึ้น นี่คือเหตุผลที่ทำให้หนูตั้งใจทำงานจิตอาสาต่อไป”

ประสบการณ์ที่น้องออยได้รับจากการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายสิงห์อาสา ทำให้เธอรู้สึกอยากขอบคุณทุกคนทุกฝ่ายด้วยใจจริง “หนูอยากขอบคุณสิงห์อาสาแทนชาวบ้าน ถ้าไม่มีสิงห์ก็ไม่มีโครงการนี้ ถ้าไม่มีโครงการนี้หนูก็คงไม่ได้มาทำงานอาสาสมัคร สิงห์อาสาคือสื่อกลางที่เชื่อมโยงทุกคนให้มาทำสิ่งดี มีคุณค่า และมีความหมายร่วมกัน ชาวบ้านมีชีวิตที่ดี หนูและเพื่อน ๆ ได้ช่วยเหลือคนอื่น สังคมก็จะได้มองเห็นพลังของการแบ่งปัน ทั้งหมดจะช่วยทำให้สังคมของเราน่าอยู่”

มุ่งมั่นทำภารกิจกับสิงห์อาสา มอบโอกาสที่ยั่งยืนและยิ่งใหญ่ให้ชีวิต

ประสบการณ์ความประทับใจของน้องๆ ตัวแทนเครือข่ายสิงห์อาสาทั้ง 3 คน สะท้อนความสุขใจจากการได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “สิงห์อาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว”

จากความตั้งใจของเครือข่ายสิงห์อาสา ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กับทุกชีวิตบนดอยสูงของภาคเหนือ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกห้อมล้อมด้วยไปด้วยลมหนาว แต่เสื้อกันหนาวตัวหนาและความปรารถนาดีของสิงห์อาสา ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กๆและชาวบ้านทุกคนรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอีกครั้ง

ด้วยความเชื่อที่ว่า แค่สองมือและจิตใจอันมุ่งมั่น ก็สามารถเปลี่ยนสังคมที่เราอยู่และชีวิตของใครบางคนให้ดีขึ้นได้ เพราะสิ่งที่มากกว่าการให้ คือการเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจให้ผู้ที่ได้รับลุกขึ้นมาทำเพื่อผู้อื่นเช่นกัน โดยทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากการลงมือทำสิ่งที่ดีและสร้างสรรค์ เพื่อสนับสนุนให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ที่ยั่งยืนและยิ่งใหญ่ในชีวิตของทุกคนต่อไปไม่สิ้นสุด